เมนู

3. ตปนียสูตร


ว่าด้วยธรรม 2 อย่างเป็นเหตุให้เดือดร้อน


[208] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับ
มาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 2 ประการนี้ เป็นเหตุให้เดือดร้อน
2 ประการเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ไม่ได้
ทำความดีงามไว้ ไม่ได้ทำกุศลไว้ ไม่ได้ทำบุญอันเป็นเครื่องต่อต้านความ
ขลาดกลัวไว้ ทำแต่บาป ทำอกุศลกรรมอันหยาบช้า ทำอกุศลกรรมอันกล้าแข็ง
บุคคลนั้นย่อมเดือดร้อนว่า เราไม่ได้ทำกรรมงามดังนี้บ้าง ย่อมเดือดร้อนว่า
เราทำแต่บาปดังนี้บ้าง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม 2 ประการนี้แล เป็นเหตุ
ให้เดือดร้อน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
บุคคลผู้มีปัญญาทราม กระทำกาย-
ทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต และอกุศล-
ธรรมอย่างอื่น อันประกอบด้วยโทษ ไม่
กระทำกุศลธรรม กระทำแต่อกุศลธรรม
เป็นอันมาก เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงนรก.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบตปนียสูตรที่ 3

อรรถกถาตปนียสูตร


ในตปนียสูตรที่ 3 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ตปนียา ความว่า ธรรมชื่อว่า เป็นเหตุให้เดือดร้อน
เพราะเดือดร้อน เบียดเบียน รบกวน ทั้งในโลกนี้แสะโลกหน้า. อีกอย่าง
หนึ่ง ธรรมชื่อเป็นเหตุให้เดือดร้อน เพราะความเดือนร้อนเป็นทุกข์ ธรรม
ทั้งหลายหนุนให้ทุกข์นั้นเกิด และให้ทุกข์นั้นเกิดกำลังทั้งในปัจจุบัน และ
สัมปรายภพ. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่า ตปนะ เพราะเป็นเครื่องเดือดร้อน
อธิบายว่า ความเดือดร้อนตามแผดเผาในภายหลัง. ชื่อว่า ตปนียา เพราะ
หนุนโดยความเป็นเหตุแห่งความเดือดร้อนนั้น. บทว่า อกตกลฺยาโณ
ชื่อว่า อกตกลฺยาโณ เพราะไม่ทำความดี ความเจริญ คือ บุญไว้. สอง
บทที่เหลือเป็นไวพจน์ของบทว่า อกตกลฺยาโณ นั้น. จริงอยู่ บุญท่าน
เรียกว่า กัลยาณะ เพราะอรรถว่าเจริญ เพราะเกื้อกูลความเป็นอยู่ และ
เพราะเป็นสุขต่อไป เรียกว่า กุศล เพราะอรรถว่า กำจัดความน่าเกลียด
และความชั่วเป็นต้น เรียกว่า ต่อต้านความกลัว เพราะอรรถว่า ป้องกัน
ความกลัวทุกข์ และความกลัวสงสาร. บทว่า กตปาโป ชื่อว่า ทำบาป
เพราะทำ คือสั่งสมแต่ความชั่ว. สองบทที่เหลือเป็นไวพจน์ของบทว่า
กตปาโป นั่นเอง. ก็อกุศลกรรมท่านเรียกว่า บาป เพราะอรรถว่า ลามก
เรียกว่า ลุทฺธ (หยาบูชา) เพราะเป็นสภาวะร้ายกาจทั้งในขณะที่ตนยังเป็น
ไปอยู่ ทั้งในขณะให้ผล และเรียกว่า กิพฺพิส (กล้าแข็ง) เพราะถูกกิเลส
ประทุษร้าย.
พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงโดยธัมมาธิฏฐานว่า เทฺว ธมฺมา
ตปนียา
ธรรม 2 ประการเป็นเหตุให้เดือดร้อนดังนี้แล้ว จึงทรงแสดงกุศล-
ธรรมที่ยังมิได้ทำ และอกุศลธรรมที่ทำแล้ว บัดนี้ เมื่อจะทรงแสดงความที่